"คริส เจนเนอร์" หัวหน้าของครอบครัวชื่อดัง "คาร์เดเชี่ยน" ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของผู้นำประเทศอย่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ "บารัค โอบามา" ที่ออกปากวิพากษ์วิจารณ์ว่าการใช้ชีวิตอย่าง "โอเว่อร์" สุดๆของเธอและบรรดาลูกๆ กำลังส่งผลเสียต่อมุมมองการใช้ชีวิตของชาวอเมริกัน
วงการบันเทิงต้องสั่นสะเทือน เมื่อท่านผู้นำสหรัฐฯ ออกโรงให้สัมภาษณ์กับ เดวิด บลูม บรรณาธิการของ Kindle Singles ถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมสหรัฐฯ ในยุคนี้ที่ทำให้ความหมายของคำว่า "ความฝันของชาวอเมริกัน" อันเป็นอุดมคติของสังคมสหรัฐอเมริกา ที่เชื่อว่าความเท่าเทียมทางโอกาสและเสรีภาพ จะทำให้ทุกคนสามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้ด้วยการทำงานหนัก ต้องถูกบิดเบือนไปด้วยภาพของเหล่าบรรดาคนดังที่มีชื่อเสียง, เงินทอง และ ชีวิตที่แสนจะสุขสบาย โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย ซึ่งเขาก็เชื่อว่าสื่อมีบทบาทกับเรื่องนี้มาก
"มันไม่เคยมีนะครับ หน้าต่างที่เอาไว้ส่องดูวิถีชีวิตของบรรดาคนรวย และ คนมีชื่อเสียงแบบนี้" โอบาม่า ได้แสดงความเห็น และ ยังกล่าวต่อไปเพื่อชี้ให้เห็นว่า เงินและชีวิตอันหรูหราฟู่ฟ่า ไม่ควรถูกตีค่าเป็นความสำเร็จของชีวิต ด้วยการพูดแบบเฉพาะเจาะจงไปถึงครอบครัวดังแห่งแวดวงเรียลลิตี้ทีวีสหรัฐ "เด็ก ๆ จะคอยแต่เฝ้ามองแต่ว่า คิม คาร์เดเชี่ยน จะใส่เสื้อผ้าของอะไรบ้าง หรือ คานเย เวสต์ จะไปเที่ยวพักร้อนที่ไหนบ้าง แบบนี้และสุดท้ายก็เริ่มคิดไปว่า นี่น่ะแหละคือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของชีวิต"
ซึ่งดูเหมือนว่างานนี้ ทางครอบครัว คาร์เดเชี่ยน จะโดนถูกอ้างชื่อถึงโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คิม คาร์เดเชี่ยน และ คานเย เวสต์ ที่กลายเป็นตัวอย่างของเซเล็บคนดังผู้มีวิถีชีวิตอันฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย และ กำลังทำให้อุดมคติแบบชาวอเมริกันต้องเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งล่าสุดหัวหน้าครอบครัวอย่าง คริส เจนเนอร์ ได้ออกโรงมาตอบโต้ปกป้องลูกสาว และ ลูกเขย ผ่านรายการ Kris Jenner ของเธอเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา
"ฉันคิดว่ามันน่าประหลาดใจมากที่ได้รับรู้ว่าท่านประธานาธิบดี เลือกที่จะตำหนิ คิม คาร์เดเชี่ยน กับ คานเย เวสต์ ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าความจริงแล้ว คานเย เวสต์ ไม่ได้ไปพักร้อนอะไรที่ไหนเลย" คริส เจนเนอร์ กล่าว "และ คิม คาร์เดเชียน ก็คือผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ทำงานหนักที่สุดคนหนึ่ง เธอแทบจะไม่ได้นอน, ไม่เคยหยุดทำงาน, ไม่แม้แต่จะลดงานลง และ พยายามอย่างเต็มที่ จนได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในวันนี้"
คริส เจนเนอร์ ในวัย 57 ปี ผู้เป็นแม่ของลูก ๆ 6 คนทั้งที่เกิดจากอดีตสามีทนายความชื่อดัง โรเบิร์ต คาร์เดเชียน และ สามีคนปัจจุบัน บรูซ เจนเนอร์ อดีตนักกีฬาฮีโร่โอลิมปิก ยังบอกว่าเธอรู้สึกว่า บารัค โอบาม่า เป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ที่มาตำหนิวิถีชีวิตของลูกสาว และลูกเขยว่าฟุ้งเฟ้อสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย กับ การอาศัยอยู่ในบ้านขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางฟุต แต่กลับไม่เคยพูดถึงบรรดาคนรวยที่อยู่รอบ ๆ ตัวเองเลย
"ฉันขอเดาว่าท่านประธานาธิบดีเองก็มีเพื่อนที่มีบ้านใหญ่ขนาดนั้นอยู่เหมือนกัน และท่านก็คงไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรที่จะไปเหยียบบ้านใหญ่ๆเหล่านั้น... เวลาที่ได้รับคำเชิญชวนเมื่อเหล่าเพื่อนฝูงจะจัดงานปาร์ตี้เพื่อเรี่ยไรหาเงินให้กับการหาเสียงเลือกตั้งของท่าน"
โดยถึงตอนนี้ทางทำเนียบขาวยังไม่ได้ออกมาตอบโต้คำพูดของ คริส เจนเนอร์ แต่อย่างใด
สำหรับครอบครัว คาร์เดเชี่ยน ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกหลายคน เป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งโด่งดังจากการมีรายการโทรทัศน์หลายรายการที่ส่วนใหญ่แพร่ภาพทางช่อง E! News ซึ่งติดตาม การใช้ชีวิตอันหรูหราฟู่ฟ่าในแบบคนในแวดวงสังคมชั้นสูงของบรรดาสมาชิกในครอบครัว จนนำมาซึ่งรายได้ก้อนโต จนอาจกล่าวได้ว่าตอนนี้งานหลักของคนในตระกูลนี้ ก็คือการใช้ชีวิตของพวกเขาผ่านหน้าจอให้คนชมและวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย ๆ นั่นเอง
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000100372
"โอบาม่า" ออกโรงจวก เรียลลิตี้ทีวีโชว์ชีวิตฟุ้งเฟ้อครอบครัว "คาร์เดเชี่ยน" ทำชีวิตชาวอเมริกันหลงทาง
วงการบันเทิงต้องสั่นสะเทือน เมื่อท่านผู้นำสหรัฐฯ ออกโรงให้สัมภาษณ์กับ เดวิด บลูม บรรณาธิการของ Kindle Singles ถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมสหรัฐฯ ในยุคนี้ที่ทำให้ความหมายของคำว่า "ความฝันของชาวอเมริกัน" อันเป็นอุดมคติของสังคมสหรัฐอเมริกา ที่เชื่อว่าความเท่าเทียมทางโอกาสและเสรีภาพ จะทำให้ทุกคนสามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้ด้วยการทำงานหนัก ต้องถูกบิดเบือนไปด้วยภาพของเหล่าบรรดาคนดังที่มีชื่อเสียง, เงินทอง และ ชีวิตที่แสนจะสุขสบาย โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย ซึ่งเขาก็เชื่อว่าสื่อมีบทบาทกับเรื่องนี้มาก
"มันไม่เคยมีนะครับ หน้าต่างที่เอาไว้ส่องดูวิถีชีวิตของบรรดาคนรวย และ คนมีชื่อเสียงแบบนี้" โอบาม่า ได้แสดงความเห็น และ ยังกล่าวต่อไปเพื่อชี้ให้เห็นว่า เงินและชีวิตอันหรูหราฟู่ฟ่า ไม่ควรถูกตีค่าเป็นความสำเร็จของชีวิต ด้วยการพูดแบบเฉพาะเจาะจงไปถึงครอบครัวดังแห่งแวดวงเรียลลิตี้ทีวีสหรัฐ "เด็ก ๆ จะคอยแต่เฝ้ามองแต่ว่า คิม คาร์เดเชี่ยน จะใส่เสื้อผ้าของอะไรบ้าง หรือ คานเย เวสต์ จะไปเที่ยวพักร้อนที่ไหนบ้าง แบบนี้และสุดท้ายก็เริ่มคิดไปว่า นี่น่ะแหละคือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของชีวิต"
ซึ่งดูเหมือนว่างานนี้ ทางครอบครัว คาร์เดเชี่ยน จะโดนถูกอ้างชื่อถึงโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คิม คาร์เดเชี่ยน และ คานเย เวสต์ ที่กลายเป็นตัวอย่างของเซเล็บคนดังผู้มีวิถีชีวิตอันฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย และ กำลังทำให้อุดมคติแบบชาวอเมริกันต้องเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งล่าสุดหัวหน้าครอบครัวอย่าง คริส เจนเนอร์ ได้ออกโรงมาตอบโต้ปกป้องลูกสาว และ ลูกเขย ผ่านรายการ Kris Jenner ของเธอเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา
"ฉันคิดว่ามันน่าประหลาดใจมากที่ได้รับรู้ว่าท่านประธานาธิบดี เลือกที่จะตำหนิ คิม คาร์เดเชี่ยน กับ คานเย เวสต์ ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าความจริงแล้ว คานเย เวสต์ ไม่ได้ไปพักร้อนอะไรที่ไหนเลย" คริส เจนเนอร์ กล่าว "และ คิม คาร์เดเชียน ก็คือผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ทำงานหนักที่สุดคนหนึ่ง เธอแทบจะไม่ได้นอน, ไม่เคยหยุดทำงาน, ไม่แม้แต่จะลดงานลง และ พยายามอย่างเต็มที่ จนได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในวันนี้"
คริส เจนเนอร์ ในวัย 57 ปี ผู้เป็นแม่ของลูก ๆ 6 คนทั้งที่เกิดจากอดีตสามีทนายความชื่อดัง โรเบิร์ต คาร์เดเชียน และ สามีคนปัจจุบัน บรูซ เจนเนอร์ อดีตนักกีฬาฮีโร่โอลิมปิก ยังบอกว่าเธอรู้สึกว่า บารัค โอบาม่า เป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ที่มาตำหนิวิถีชีวิตของลูกสาว และลูกเขยว่าฟุ้งเฟ้อสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย กับ การอาศัยอยู่ในบ้านขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางฟุต แต่กลับไม่เคยพูดถึงบรรดาคนรวยที่อยู่รอบ ๆ ตัวเองเลย
"ฉันขอเดาว่าท่านประธานาธิบดีเองก็มีเพื่อนที่มีบ้านใหญ่ขนาดนั้นอยู่เหมือนกัน และท่านก็คงไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรที่จะไปเหยียบบ้านใหญ่ๆเหล่านั้น... เวลาที่ได้รับคำเชิญชวนเมื่อเหล่าเพื่อนฝูงจะจัดงานปาร์ตี้เพื่อเรี่ยไรหาเงินให้กับการหาเสียงเลือกตั้งของท่าน"
โดยถึงตอนนี้ทางทำเนียบขาวยังไม่ได้ออกมาตอบโต้คำพูดของ คริส เจนเนอร์ แต่อย่างใด
สำหรับครอบครัว คาร์เดเชี่ยน ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกหลายคน เป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งโด่งดังจากการมีรายการโทรทัศน์หลายรายการที่ส่วนใหญ่แพร่ภาพทางช่อง E! News ซึ่งติดตาม การใช้ชีวิตอันหรูหราฟู่ฟ่าในแบบคนในแวดวงสังคมชั้นสูงของบรรดาสมาชิกในครอบครัว จนนำมาซึ่งรายได้ก้อนโต จนอาจกล่าวได้ว่าตอนนี้งานหลักของคนในตระกูลนี้ ก็คือการใช้ชีวิตของพวกเขาผ่านหน้าจอให้คนชมและวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย ๆ นั่นเอง
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000100372